วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ละครสะใภ้ใจเด็ด

เรื่องย่อ  สะใภ้ใจเด็ดบทประพันธ์. นันทนา  วีระชน 
บทโทรทัศน์.  วรพันธ์   รวี
  ภาวินี  รีบเดินทางมากรุงเทพทันทีที่ได้รับข่าวอาการป่วยของ  ศรีกานดา  ซึ่งเป็นพี่สาว  เธอไม่ได้พบพี่สาวนานหลายปีตั้งแต่เรียนจบ   ศรีกานดาเป็นสาวสวย  งามทั้งกายและใจ  ภาวินีจำได้ว่าวันที่ศรีกานดาเข้าประกวดนางงามประจำจังหวัดและได้ตำแหน่งสาวงามที่สุดของจังหวัดนั้น  พ่อของเธอดีใจมากแค่ไหน  พ่อเป็นคนที่ชาวบ้านนับถือ  ยิ่งศรีกานดานำชื่อเสียงมาให้วงศ์ตระกูล  พ่อของเธอก็ยิ่งภูมิใจในลูกสาวคนโตมาก  ปีนั้นเป็นปีที่พ่อเธอมีความสุขที่สุด  เพราะภาวินีลูกสาวคนเล็กสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพได้  ภาวีนีเข้ามาเรียนได้ไม่นานทางบ้านเกิดเรื่องยุ่งเมื่อศรีกานดาตัดสินใจหนีตาม  นพนัยน์   วิศวกรหนุ่มที่มาคุมงานสร้างทางในจังหวัด  ทั้งคู่พบกันไม่นานแต่ก็รักกันมาก  พ่อของศรีกานดากีดกันทุกทางไม่ให้ลูกสาวพบคนรัก  ทว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ  ไม่มีใครคิดว่าศรีกานดา  กุลสตรีที่งามพร้อมจะกล้าหอบผ้าหนีตามผู้ชายต่างถิ่นไปได้  พ่อของเธอเสียใจมาก  ทั้งรักทั้งแค้นลูกสาวคนโตถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกเด็ดขาด
  เวลาผ่านไปก่อนภาวินีเรียนจบไม่นาน  ศรีกานดามาพบเธอที่มหาวิทยาลัย  ภาวินีพูดไม่ออกเมื่อเห็นพี่สาว  ศรีกานดาเปลี่ยนไปมากจนจำแทบไม่ได้  ศรีกานดาเล่าให้น้องสาวฟังว่า  หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว  นพนัยน์พาเธอไปกราบ  คุณหญิงนวลสมร  ผู้เป็นมารดา  แต่ทั้งคุณหญิงและ  ไฉไลเรือง  ซึ่งเป็นน้องสาวนพนัยน์ไม่ยอมรับว่าเธอเป็นภรรยาของนพนัยน์  ซ้ำยังไล่ให้เธอไปอยู่เรือนคนใช้ไม่ยอมให้อยู่บนตึกใหญ่  นพนัยน์เสียใจมากจึงพาเธอตามไปทุกแห่งที่เขาไปทำงาน  นพนัยน์รักเธอมาก  เมื่อศรีกานดาท้อง  นพนัยน์จึงต้องพาเธอกลับมาอยู่บ้านเพราะห่วงเธอและลูกจะได้อยู่ใกล้ ๆ หมอ  ส่วนตัวเขาต้องไปทำงานต่างจังหวัด  แต่กลับกรุงเทพทุกครั้งที่มีโอกาส  ภาวินีกลั้นสะอื้นเจ็บใจแทนพี่สาว  เมื่อศรีกานดาเล่าว่าคุณหญิงนวลสมรและไฉไลเรืองร้ายกับเธอแค่ไหน  ศรีกานดาบอกว่าเธอเป็นเพียงสะใภ้ทาส  ถ้านพนัยน์อยู่ก็จะพอมีความสุขบ้าง  แต่เมื่อเขาต้องไปทำงานต่างจังหวัด  ศรีกานดารู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น  ภาวินีเคยชวนเธอกลับไปอยู่บ้าน  แต่ศรีกานดาปฏิเสธ  เธอย้ำว่าสามีและลูกอยู่ที่ไหนเธอต้องอยู่ด้วยเสมอ  เหตุผลของศรีกานดาเป็นเรื่องที่ภาวินีไม่เข้าใจ  สองสาวพี่น้องนิสัยต่างกันมากแม้จะหน้าตาคล้ายกัน  ศรีกานดาสวยอ่อนหวาน  เรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน  ภาวินีสวยเข้ม  ดูเหมือนคนอารมณ์เย็น  แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าภาวินีนั้นโมโหร้ายมาก  ตั้งแต่เด็กจนโต  คนที่ทำให้ศรีกานดาเสียใจ  ภาวินีต้องทวงคืนจนเจ็บยิ่งกว่า  ตลอดการเดินทางภาวินีภาวนาให้พี่สาวปลอดภัย  ทั้งที่รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก  เมื่อถึงกรุงเทพเธอตามไปที่โรงพยาบาลทันที  ภาวินีใจสั่นเมื่อเข้าไปในห้องไอซียู  เธอพบนพนัยน์นั่งจับมือศรีกานดาด้วยความโศกเศร้า  สภาพศรีกานดาที่นอนนิ่ง  ลมหายใจแผ่วเบา  อุปกรณืทางการแพทย์ระโยงระยางรอบตัวไปหมด  ทำให้ภาวินีรู้สึกโกรธแค้นนพนัยน์มาก  เธอมองเขาอย่างเกลียดชังก่อนจะขออยู่เฝ้าพี่สาวเอง  เธอให้นพนัยน์กลับไปดูลูก  ภาวินีอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขาที่ทำให้ศรีกานดาเป็นอย่างนี้  เมื่อถึงบ้านหรือเรือนเล็กหลังบ้าน  แม้จะปรับปรุงจนน่าอยู่  แต่เมื่อเทียบกับตึกใหญ่งดงามข้างหน้าแล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง  นพนัยน์ก้าวขึ้นเรือนภาพ  แป๊ะซะ  ลูกชายวัยขวบเศษที่เล่นกับ  พิม  พี่เลี้ยงอย่างไร้เดียงสาทำให้นพนัยน์ต้องเข้าไปอุ้มไว้  เขาทั้งรักและสงสารลูกสุดหัวใจ  ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่ทิ้งศรีกานดาไว้กับแม่และน้องสาวที่ใจร้ายเหลือทน  เขาเล่นกับลูกไม่นานนัก  คุณหญิงนวลสมรให้พิมมาตามเขาไปพบบนตึกใหญ่  นพนัยน์เดินขึ้นทางหลังตึกจึงได้ยินเสียงแม่กับน้องสาวพูดถึงศรีกานดาอย่างไม่น่าฟัง  แถมยังแช่งให้ตายเสียอีก  เขาสงสารภรรยาจับใจ  นพนัยน์กลับไปที่เรือนเล็กทันทีโดยไม่ยอมพบคุณหญิงนวลสมร  ส่วนภาวินีนั่งเฝ้าพี่สาวจนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง  เธอกุมมือพี่สาวไว้ตลอดเวลา  ดึกมากแล้วเมื่อภาวินีรู้สึกว่าศรีกานดาขยับมือเบา ๆ  เธอสะดุ้งตื่นทันที  ศรีกานดามองน้องสาวด้วยแววตาห่วงใย  ภาวินีดีใจที่พี่สาวรู้สึกตัว  เธอบอกศรีกานดาว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอจะพาศรีกานดาและลูกกลับบ้านไปให้พ้นจากครอบครัวนี้เสียที  ศรีกานดาพูดราวกระซิบว่าฝากลูกด้วย  ภาวินีรับปากทันที  ศรีกานดายิ้มบาง ๆ ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง  ส่วนภาวินีเองฟุบหลับตามไปด้วยในไม่นานนัก  เธอสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามือของศรีกานดาเย็นเฉียบ  ภาวินีผวาลุกขึ้นทันที  อุปกรณ์ทางการแพทย์ส่งเสียงเตือนผิดปกติ  ทั้งหมอและพยาบาลเข้ามาทันที  ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวาย  ภาวินีถูกขอให้ออกไปนอกห้อง  เธอร้องไห้เสียใจที่สุด  สภาพของศรีกานดาทำให้ภาวินีใจหาย  เธอได้แต่อธิฐานให้พี่สาวปลอดภัย  ทว่าศรีกานดาอาการหนักเกินไปกว่าที่หมอจะช่วยไว้ได้  เธอเสียชีวิตในเช้านั้นเอง  เมื่อนพนัยน์พาแป๊ะซะมาร  ภาวินีรับหลานมาอุ้ม  เธอกอดเด็กชายไว้แน่น  และให้นพนัยน์ไปดูศรีกานดาเป็นครั้งสุดท้าย  เขารีบเข้าไปในห้องไอซียูทันที   นพนัยน์ตรงไปกอดร่างไร้วิญญาณของศรีกานดาด้วยความรักและอาลัยที่สุด  ทั้งสงสารและรู้สึกผิดเต็มหัวใจ  นพนัยน์พาภาวินีมาพักที่บ้านระหว่างจัดงานศพให้ภรรยา  ภาวินีเองอาสาเลี้ยงหลานชายตัวน้อย  เธอแทบไม่ปล่อยให้เด็กชายห่างสายตาเลย  นพนัยน์น้อยใจแม่และน้องสาวที่ไม่ยอมไปร่วมพิธีศพแม้กระทั่งวันฌาปกิจ   เมื่องานศพผ่านไป  ภาวินีพูดกับนพนัยน์ว่าเธอจะพาแป๊ะซะกลับไปอยู่กับเธอเพราะศรีกานดาสั่งไว้ก่อนตาย  แต่นพนัยน์ไม่ยอม  เขาเองก็รักลูกมาก  ยิ่งไปกว่านั้นลูกเป็นเหมือนตัวแทนของศรีกานดาด้วย  ทั้งคู่เถียงกันอยู่นาน  จนในที่สุดภาวินียื่นคำขาดถ้านพนัยน์ต้องการให้ลูกอยู่ด้วยเขาต้องแต่งงานกับเธอ  จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมาย  เธอจะยอมอยู่ที่นี่เลี้ยงหลานในฐานะแม่แทนศรีกานดา  ส่วนเขาและเธอผูกพันกันเพียงนิตินัยเท่านั้น  วันใดที่นพนัยน์แต่งงานใหม่เธอจะหย่ากับเขาและพาแป๊ะซะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด  และเขาจะหมดสิทธิ์ในการดูแลแป๊ะซะอีกต่อไป  ภาวินีอึ้งเมื่อนพนัยน์ตอบตกลงทันที  เขารักลูกชายมาก  ทั้งรักและห่วง  ตอนนี้คนที่เขามั่นใจว่าจะดูแลเด็กชายได้ดีที่สุดคือภาวินี  ส่วนตัวเขายังติดงานที่ต่างจังหวัดซึ่งกันดารเกินกว่าจะรับลูกไปอยู่ด้วย  เขาไม่ไว้ใจแม่และน้องสาวเขาอีกแล้ว  คุณหญิงนวลสมรและไฉไลเรืองโกรธจนพูดไม่ออกเมื่อนพนัยน์มาบอกในวันหนึ่งว่าเขาแต่งงานกับภาวินีแล้ว  เธอกับลูกจะอยู่ที่เรือนเล็กเหมือนเดิม  ในช่วงเลาที่เขาต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดและจะขอย้ายกลับมากรุงเทพเร็ว ๆ นี้  นพนัยน์กลับไปทำงานสายวันนั้นเอง  คุณหญิงให้พิมมาตามเธอไปพบ  แต่ภาวินีไม่ไปแถมยังบอกอีกว่าถ้าอยากพบเธอก็ลงมาที่เรือนนี้ได้ทุกเวลา  พิมดีใจที่ภาวินีเข้มแข็งกว่าพี่สาวมาก  พิมรักและสงสารศรีกานดาที่ถูกใช้งานยิ่งกว่าคนใช้อย่างเธอเสียอีก  ทำงานหนัก  ถูกดุด่าไม่เว้นวัน  แต่ศรีกานดาไม่เคยบ่นจนล้มป่วย  พิมกลับไปบอกคุณหญิงทันที  เธอมองคุณหญิงและไฉไลเรืองที่โกรธแทบคลั่งอย่างสะใจ  พิมใจหายเมื่อเห็นสองแม่ลูกลงไปที่เรือนเล็ก  พิมรีบวิ่งไปเตือนภาวินีให้ระวังตัวอย่างห่วงใย  แต่ภาวินีกลับยิ้นเย็น  แววตาเหี้ยมอย่างน่ากลัว  เธอเองรอเวลานี้มานานเช่นกัน  ดังนั้นเมื่อคุณหญิงนวลสมรและไฉไลเรืองมาถึงเริ่มด่าทออาละวาดจึงโดนภาวินีตอบโต้อย่างไม่เกรงใจ  ไฉไลเรืองปราดเข้าไปจะตบหน้าภาวินี  เธอเข้าใจว่าภาวินีจะอ่อนเหมือนศรีกานดา  ทว่าตรงกันข้าม  มือที่เงื้อง่าของไฉไลเรืองถูกภาวินีจับบิดอย่างแรงและผลักตัวทุ่มไฉไลเรืองกระแทกพื้นอย่างแรง  ไฉไลเรืองร้องกรี๊ดทั้งเจ็บทั้งอาย  ภาวินีมองอย่างสะใจก่อนจะบอกว่าเธอเป็นนักกีฬายูโดสายดำและยิงปืนแม่นมาก  ถ้าทั้งคู่จะมาที่นี่มาระรานเธออีกเจอดีกว่านี้แน่  นพนัยน์กลับมาจากต่างจังหวัด  คุณหญิงนวลสมรและไฉไลเรืองฟ้องใส่ร้ายภาวินีและให้เขาไล่เธอไปจากบ้าน  แต่นพนัยน์กลับทำให้ทั้งคู่เจ็บใจมากขึ้นเมื่อเขาย้ำว่าเขาไม่ไปไหน  และไม่ให้ใครพาลูกเขาไปไหนเด็ดขาด  ภาวินีเป็นภรรยาเขาต้องอยู่ที่นี่  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เพราะคุณหญิงกับไฉไลเรืองลงไปหาเรื่องเองแท้ ๆ  ถ้าต่างคนต่างอยู่ก็ไม่มีเรื่อง  นพนัยน์กลับเรือนไปแล้วสองแม่ลูกยังคลั่งแค้นไม่หยุด  คุณหญิงนวลสมรกับไฉไลเรืองติดต่อ  ลลิตา  สาวสวย  โฮโซ  อดีตคู่หมายของนพนัยน์ให้มาช่วยอีกคน  ลลิตานั้นเคยเสียใจเพราะศรีกานดามาแล้ว  คราวนี้เธอจึงยอมตกลงมาช่วยกำจัดภาวินีอีกคน  ลลิตารักนพนัยน์มานาน  แต่เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวเท่านั้น  ลลิตามั่นใจในความสวยของตัวเองว่าต้องชนะใจนพนัยน์สักวัน  เธอจึงมาอยู่กับคุณหญิงนวลสมรระหว่างที่  คุณหญิงผองจิต  ซึ่งเป็นมารดาไปต่างประเทศ  ลลิตามาในช่วงเวลาที่นพนัยน์ได้ย้ายมากรุงเทพแล้ว  เธอพยายามหว่านเสน่ห์ออดอ้อนนพนัยน์ต่อหน้าภาวินีเพื่อยั่วให้หญิงสาวโกรธ  ทว่าลลิตากลับคลั่งเสียเองเมื่อภาวินีพูดจาอ่อนหวานกับนพนัยน์เป็นพิเศษ  เธอสงสารลลิตาที่อยากเป็นเมียเขาเหลือเกินแม้จะเป็นเมียน้อยก็ตาม  นพนัยน์ดีใจที่ภาวินีเข้มแข็ง  สู้  กับเรื่องบ้า ๆ ในบ้านได้  เขาเฝ้ามองภาวินีเลี้ยงแป๊ะซะเงียบ ๆ  ภาวินีเลี้ยงเด็กชายราวกับลูกไม่ใช่หลาน  เวลาผ่านไปยิ่งใกล้ชิดภาวินีก็ยิ่งทำให้นพนัยน์แปลกใจ  เธอดูเหมือนกระด้าง  เย็นชา  แต่ก็เป็นแม่บ้าน  แม่เรือน  ทำกับข้าวอร่อย  ฝีมือไม่ผิดศรีกานดาเลย  เขาชอบดูเวลาเธอเผลอตัวเล่นกับแป๊ะซะ  ภาวินีจะน่ารัก  อ่อนโยน  ไม่มีมาดดุเข้ม ๆ อีกเลย  วันหนึ่ง  ถมทวี  เพื่อนชายคนสนิทของภาวินีมาเยี่ยมเธอที่บ้าน  ถมทวีเคยรักกับศรีกานดา  เมื่อศรีกานดาแต่งงานไปเขาก็มีภาวินีคอยปลอบใจ  จนที่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน แต่แล้วภาวินีกลับแต่งงานกับพี่เขยตัวเอง  ถมทวีตามมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง  เขารู้ว่าภาวินีเป็นคนมีเหตุผล  และรักพี่สาวมาก  การมาของถมทวีทำให้นพนัยน์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก  ยิ่งเห็นรูปถมทวีบนโต๊ะหัวเตียงของภาวินี  เขาหึงเธอโดยไม่รู้ตัว  แต่ภาวินีไม่เคยทำอะไรเสียหาย  เมื่อเขาถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับถมทวี  ภาวินีกลับตอบอย่างมั่นใจว่า  ทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว  เธออยู่กับปัจจุบัน  และรอวันที่เขาแต่งงานใหม่เธอพร้อมจะพาหลานไปจากที่นี่  ภาวินีไม่รู้ว่านพนัยน์ไม่เคยรักลลิตาเลย  เขาระวังตัวมากเมื่อต้องอยู่กับเธอตามลำพัง  วันหนึ่งถมทวีมารับภาวินีและแป๊ะซะไปซื้อของ  ระหว่างทางทั้งคู่เห็นไฉไลเรืองนั่งรถออกจากโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง  ภาวินีสังเวชใจและอยากรู้ว่าถ้าคุณหญิงนวลสมรรู้เข้าจะว่าอย่างไร  วันหนึ่งคุณหญิงนวลสมรและไฉไลเรืองตัดสินใจใช้แผนทรมานเหมือนศรีกานดา  แต่เพียงแค่อาหารเย็น  ภาวินีย้อนรอยอย่างเจ็บแสบ  ไฉไลเรืองทนไม่ไหวเธอวางแผนให้  ทรัย  หนุ่มหล่อไฮโซคนรักหนุ่มหลอกภาวินีเข้าโรงแรมเพื่อให้นพนัยน์เข้าใจผิด  ทว่าภาวินีกลับทำให้ทรัยกลัวเธอ  เมื่อภาวินีพูดจริงจังว่าเธอสู้เต็มที่แน่นอน  และพร้อมเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ถ้าทรัยไม่พาเธอออกไปจากที่นี่  สีหน้าแววตาของภาวินีทำให้ทรัยต้องยอม  และไม่กล้ายุ่งกับเธออีก  เขากลับสนใจลลิตาแทน  แล้ววันหนึ่งทรัยหลอกลลิตาเข้าโรงแรมจนได้  เธอตกใจมากสู้สุดฤทธิ์แต่ทรัยชกท้องเธอจนหมดสติ  ก่อนที่ลลิตาจะเสียใจไปทั้งชีวิต  ถมทวีซึ่งผ่านมาและเห็นทรัยกับลลิตา  เขาตามไปได้ยินเสียงร้องของลลิตา  จึงเข้าไปช่วยไว้ทัน  เขาชกทรัยจนต้องหนีไป  ถมทวีนั่งรอจนลลิตาฟื้นขึ้นมา  เธอช็อคและเข้าใจว่าถมทวีทำร้ายเธอ  กว่าจะพูดกันรู้เรื่องถมทวีอ่อนใจเต็มที  เขาพาเธอไปส่งที่บ้าน  ลลิตาหมดฤทธิ์สำนึกดีกลับมาจนถมทวีเริ่มสนใจเธอ  เขามาเยี่ยมเธอบ่อย ๆ  จนผูกพันกันมากขึ้น  ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปด้วยดี  ส่วนไฉไลเรืองทำให้คุณหญิงนวลสมรเสียใจเมื่อรู้ว่าเธอปล่อยตัวไปกับทรัย  และไม่คิดจะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ  เรื่องวุ่นวายเมื่อไฉไลเรืองไปฮ่องกงกับทรัยและถูกจับเพราะลักลอบขนยาเสพติด  ทรัยหลอกไฉไลเรืองให้หิ้วกระเป๋าบรรจุยาโดยไม่รู้ตัว  ทั้งคู่ถูกจับที่ฮ่องกง  หนังสือพิมพ์ลงข่าวละเอียด  คุณหญิงนวลสมรเสียใจจนล้มศีรษะฟาดพื้นอย่างแรง  คุณหญิงป่วยหนักเป็นอัมพาต  ขณะที่นพนัยน์ยุ่งเรื่องไฉไลเรือง  ภาวินีเข้ามาช่วยดูแลคุณหญิงนวลสมร  เธอพูดน้อย  แต่ดูแลปรนนิบัติคุณหญิงด้วยความเมตตา  สงสาร  ภาวินีอ่อนโยน  จริงใจ  จนคุณหญิงละอายใจ  เธอยอมแพ้น้ำใจภาวินี  และเสียใจที่ทำร้ายศรีกานดาจนตรอมใจตาย  เวลาผ่านไปทรัยถูกดำเนินคดี  ส่วนไฉไลเรืองได้แต่คลุ้มคลั่ง  นพนัยน์หาทางช่วยเหลือจนโทษหนักเป็นเบา  แต่เธอต้องจำคุกอยู่ดี  เรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เขารักภาวินีโดยไม่รู้ตัว  กว่าจะรู้เขาก็รักเธอมากเหลือเกิน  ในคืนที่ถมทวีแต่งงานกับลลิตา  เมื่อกลับจากงานแต่งงาน  นพนัยน์ตัดสินใจสารภาพรักกับภาวินี  เขาบอกเธอว่าเขาไม่เคยลืมศรีกานดา  แต่ภาวินีคือตัวจริงในวันนี้  แม้เธอไม่พูดอะไรแต่แววตาที่อ่อนหวานของเธอบอกเขาได้มากกว่าคำพูด  นพนัยน์ดึงเธอมากอดแนบอก  เขาสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด  ภาวินีซุกตัวในอ้อมกอดเขา  แขนของเธอกอดตอบเขาทำให้นพนัยน์ยิ้มอย่างมีความสุข  ภาวินีมีวิธีบอกรักเขาอย่างอบอุ่น  อ่อนหวาน  น่ารักที่สุด

ละครสวรรค์เบี่ยง



อีกเพียง 5 วันเท่านั้น ลีลา โสภณรัตน์ ก็จะเข้าพิธีวิวาห์กับ เจตน์ ผู้ชายที่ลีลาใช้คำว่ารักได้ไม่เต็มปากนัก แต่จะสำคัญอะไรในเมื่อ คาวี วรวัตต์ ผู้ชายที่เธอหลงรักไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา ซ้ำยังประจานว่าเธอเป็นผู้หญิงวิ่งจับผู้ชายรวย เพื่อยกระดับตัวเอง ร้อนถึง นาริน น้องสาวคนเดียวของลีลา ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของพี่สาว และเล่นงานคาวีกลับอย่างแสบสันต์ จนคาวีหมายหัวนารินไว้เป็นศัตรูหมายเลข 1 ที่สักวันจะต้องเอาคืน
ความเจ็บช้ำทำให้ลีลาหมายมั่นว่าจะต้องแต่งงานกับใครสักคนที่รักเธอ ยกย่องเธอ พอจะทุ่มเทชีวิตให้ ซึ่งก็ได้พบเจตน์ แต่เธอก็ต้องพบความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อมอเตอร์ไซต์ที่เจตน์ขับพาลีลาไปประสานงากับรถเก๋งของ คิด วรวัตต์ พ่อของคาวี เจตน์ตายคาที่ ในขณะที่คิดก็สูญเสีย เสาวภา ภรรยาไปด้วยเช่นกัน นอกจากลีลาจะฟื้นขึ้นมาพบว่าความฝันของเธอพังพินาศไปกับความตายของเจตน์ เธอยังต้องมารับรู้ว่าเจ้าของรถที่พรากชีวิตเจตน์ไปเป็นพ่อของคาวี
ผู้ชายที่ทำให้เธอเป็นหญิงไร้ค่า ลูกฆ่าหัวใจเธอ ส่วนพ่อฆ่าคนรักเธอ คิดสงสารลีลาจนกลายเป็นความรัก คิดขอลีลาแต่งงาน คำประณามของคาวีทำให้ลีลาตัดสินใจตอบรับแต่งงานกับคิดทันที จากนั้นทุกชีวิตในครอบครัวโสภณรัตน์ก็เปลี่ยนไป เพราะลีลาพา ลาวัณย์ ผู้เป็นแม่ นารินน้องสาว และ เริ่มกฤษ์ น้องชาย เข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับคาวีด้วย พวา ( ติ๋ว ) และ ภวันต์ ( ต้อม ) หลานของเสาวภาถูกชะตากับนาริน โดยเฉพาะภวันต์ที่หลงรักนารินเลยทีเดียว
แม้กระทั่ง ศุภจิต ( แซม ) เพื่อนสนิทของคาวีก็เช่นกัน คาวีเริ่มไม่เข้าใจว่าในความเกลียด ทำไมถึงอยากเข้าใกล้ อยากเจอหน้า อยากทะเลาะกับนารินทุกเวลา คาวียิ่งอาละวาดเมื่อเห็นนารินมีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลัง ทั้งภวันต์และ วิกรม เจ้าของนารินที่มีเมียแล้ว วันหนึ่งลีลาใส่ร้ายคาวีว่าตบหน้าเธอ ทำให้คิดโกรธมากด่าคาวีอย่างรุนแรง คาวีโมโหและโกรธแค้นจึงเอาคืนด้วยการ ลักพาตัวนารินไปขังไว้ที่บ้านพักส่วนตัว
ทั้งสองทะเลาะกันคาวีโมโหปลุกปล้ำนารินจนตกเป็นของคาวี ลีลาซักไซ้นารินว่าหายไปไหนมา นารินไม่ตอบ วันหนึ่งลีลาไปหาคาวีที่นั่งกินเหล้าเมาอยู่ และเผยใจว่ายังรักคาวี คิดมาได้ยินก็เสียใจโรคหัวใจกำเริบ อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ วันรุ่งขึ้นคาวีเอาสิ่งที่ลีลาพูดกับเขาเมื่อคืนมาฟ้องพ่อ คิดหัวใจวายตาย งานศพผ่านไปอย่างเศร้าหมอง คาวีเสียใจไม่เป็นผู้เป็นคน แม้แต่ แพท คู่ควงคนล่าสุดก็เข้าหน้าไม่ติด เสร็จงานศพนารินตัดสินใจออกจากบ้านวรวัตต์ไปหาบ้านเช่าอยู่
คาวีใจหายเริ่มทำตัวสำมะเลเทเมา ลีลาเริ่มสังเกตว่าคาวีรักนาริน ก็เริ่มรุ่มร้อนใจ นารินเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งท้อง คาวีแอบมาหานารินและเห็นใบนัดหมอจึงรู้ แต่นารินโกหกคาวีว่าลูกในท้องเป็นลูกของภวันต์ คาวีเสียใจมากกลับไปกินเหล้าเมามาย นารินไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอท้อง จึงย้ายที่อยู่และลาออกจากงาน สวรรค์ให้โอกาสคาวีอีกครั้งเมื่อแพทกับภวันต์ไปเจอนาริน จึงรีบไปบอกคาวี คาวีตามไปหานารินทันที คราวนี้เขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
คาวีพยายามพยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว ถึงขนาดนอนเฝ้าหน้าห้องเช่า ขึ้นรถเมล์ นั่งคอยนาริน เดินไปซื้อกับข้าว ล้างจาน ล้างห้องน้ำ จนนารินเริ่มใจอ่อน ทุกคนดีใจที่คาวีเปลี่ยนไป ยกเว้นลีลาที่ยังกีดกันคาวีไม่ให้มายุ่งกับนาริน ยกเว้นว่าเขาจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ได้จากคิดให้นาริน เพื่อชดใช้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยทำ คาวีตัดสินใจทันทีเพื่อแลกกับการได้อยู่กับนาริน เพราะเขารู้ว่าเธอและลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
การตัดสินใจของคาวีทำให้นารินซาบซึ้งยอมรับความจริงใจอย่างไม่มีข้อแม้ ทันทีที่นารินและคาวีเปิดใจยอมรับกัน ลีลาก็พูดว่าที่ทำมาทั้งหมดเป็นการเล่นละคร เธอไม่ได้กีดกันแต่ต้องการให้ทั้งสองคนยอมรับความรักสักที ส่วนแพทหันมาชอบภวันต์ และตามตื้อจนเขายอมตัดใจจากนาริน ส่วนพวาก็เตรียมงานแต่งงานกับแซม คาวีรับนารินและลูกในท้องมาอยู่ในบ้าน เขาใช้หัวใจสร้างความรักที่บริสุทธิ์ ทำให้บ้านกลายเป็นวิมานอย่างแท้จริง

ละครอังกอร์

เรื่องย่อ อังกอร์2          ณ เมืองเวียงข่าน อันเป็นดินแดนที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ตรงกันข้ามโลกมนุษย์ คล้ายเมืองลับแลที่ไม่มีมนุษย์คนใดจะล่วงผ่านเข้าไปได้ ขณะเดียวกันคนจากเมืองเวียงข่านก็ไม่อาจจะมาโลกมนุษย์ได้ เพราะหากก้าวข้ามมิติมาจะไม่สามารถกลับไปสู่เมืองเวียงข่านได้อีก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถไปกลับโลกมนุษย์และเวียงข่านได้ หนึ่งในนั้นคือ คะยะแม หมอผี แห่งพยัคฆามิน หรือลัทธิเสือร้าย ลูกศิษย์ของ แม่มดสาววันนา ในอดีตแม่มดสาววันนาได้ต่อสู้กับ ท้าวแสนชัย แต่นางแม่มดสู้ไม่ไหว จึงถอดวิญญาณหนีข้ามแดนออกมายังโลกมนุษย์ ภายหลังท้าวแสนชัยและ นางปทุมเทวี ถูกลูกศิษย์ของแม่มดสาวันนาไล่ล่าจนหนีออกมาถึงถ้ำที่น้ำตก ลูกน้องแม่มดสาววันนาจับนางปทุมเทวีเป็นตัวประกัน นางปทุมเทวีจึงเอากริชเงินของท้าวแสนชัยฆ่าตัวตาย ท้าวแสนชัยโกรธจึงฆ่าลูกน้องของแม่มดพร้อมฝังร่างปทุมเทวีไว้ในกำแพงแก้วพร้อมกริชเงิน คนจึงเชื่อว่ากริชเงินสามารถทำลายวิญญาณเสือร้ายได้ ต่อมาวิญญาณของแม่มดสาววันนาออกอาละวาด เข้าสิงหญิงสาวที่ชื่อ อังกอร์ จนกลายเป็นเสือร้ายฆ่าคน แต่สุดท้ายวิญญาณของแม่มดสาววันนาก็ถูกกริชเงินทำลาย และฝังอยู่ในกำแพงแก้วพร้อมกริชเงิน คนจึงเชื่อว่ากริชเงินสามารถทำลายวิทญญาณเสือร้ายได้

ละครปิ่นอนงค์

เรื่องย่อละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 21

ละครปิ่นอนงค์ เรื่องย่อละครปิ่นอนงค์ ละครปิ่นอนงค์ย้อนหลัง
ละครปิ่นอนงค์ ทางช่อง 7 ละครปิ่นอนงค์ บทประพันธ์โดย รจเรข
เรื่องย่อละคร ปิ่นอนงค์
ปิ่นอนงค์ ละครปิ่นอนงค์ ละครช่อง7
ปิ่นอนงค์ บทประพันธ์ : รจเรข
ปิ่นอนงค์ บทโทรทัศน์ : ดลกมล คนหลังม่าน
ปิ่นอนงค์ แนวละคร : โรแมนติก ดราม่า
ปิ่นอนงค์ ผลิต : บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย อ๊อด ธีรศักดิ์ พรหมเงิน
ปิ่นอนงค์ ออกอากาศ : ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ปิ่นอนงค์ ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรก วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เรื่องย่อละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 21

ใหญ่พาปิ่นอนงค์หนีลงมาทางหน้าต่าง เธอกอดไม้เท้าไว้แนบตัว หวานกับน้อยตามมาบอกว่าครองสุขรู้เรื่องหมดแล้วให้รีบหนี ไฟฉายสาดมาที่กลุ่มใหญ่ ครองสุขก้าวเข้ามาจ้องหน้า
“ผีคุณใหญ่หรือ ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่แรกว่าแกมันเจ้าเล่ห์ขนาดไหน”
“คนโง่ย่อมถูกจูงจมูกโดยคนฉลาดเสมอ แต่ตอนนี้ ฉันหมดสนุกที่จะจูงจมูกคุณนายเสียแล้ว มันขี้เกียจ” ใหญ่เยาะกลับ
“เห็นหรือยังจอม ว่ามันเห็นแกกับฉันโง่เหมือนวัวเหมือนควาย โดยเฉพาะนังปิ่น แกทำกับคนที่รักแกได้แสบสันดีเหลือเกินนะ” ครองสุขยุจอม
ปิ่นอนงค์รีบบอกเขาว่าตนไม่ได้คิดร้าย จอมโวยว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความรักของตน
“ความรักจะมีค่าต่อเมื่อแกรู้จักใช้สติปัญญาแยกแยะ แต่นี่แกทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ปิ่นไป แกไม่ได้โง่หรอกจอม แต่แกเห็นแก่ตัว แกตั้งใจมองข้ามความถูกต้องทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ครอบครองปิ่น” ใหญ่เตือนสติ
“ฟังแล้วความรักของแกสองคนนี่มันช่างถูกต้อง สูงค่าเหลือเกินนะ เอาสิ ถ้าเธอเห็นใจมันก็ปล่อยมันไปเสพสุขด้วยกันเลยจอม” ครองสุขเป่าหู
“ไม่มีวัน ผมไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำหัวใจผมอีกแล้ว” จอมสั่งสมุนจับทุกคน
ใหญ่ต่อสู้กับจอมไม่ยอมให้จับ ครองสุขชักปืนออกมาจ่อใหญ่ ปิ่นอนงค์ร้องห้าม อย่าฆ่าใครอีกเลย ถ้าจะฆ่าให้ฆ่าตน ขอตนเป็นศพสุดท้าย ใหญ่ตวาดไม่ต้องไปขอร้อง ถึงใครจับไม่ได้กรรมก็ต้องตามทัน ครองสุขหัวเราะเยาะขึ้นไก ตนจะตัดกรรมเสียเอง กรรมของตนคือใหญ่
จอมแย่งปืนจากครองสุข “ผมขอฆ่ามันด้วยมือผมเอง”
“ไม่นะจอม ถ้าจอมฆ่าคุณใหญ่ เราจะไม่มีวันให้อภัยจอม เราจะเกลียดจอมไปตลอดชีวิต”
“มันจะเป็นไรไปล่ะปิ่น ในเมื่อปิ่นก็ไม่เคยรักเราอยู่แล้ว”
ใหญ่สะบัดตัวออก จอมตบด้วยด้ามปืนลงไปกอง ปิ่นอนงค์ถลาเข้ากอดใหญ่ จอมยิ่งโกรธสั่งสมุนจับพวกผู้หญิงแยกออกไปขังไว้ ตนจะจัดการใหญ่เอง
ในขณะที่ทัศนีย์ถูกผลักเข้ามาขังในห้องทรรศนะ เธอจึงเห็นว่าเขาถูกมัดมือไพล่หลังอยู่ ทรรศนะบอกว่าตนโดนขังเพราะจะไปช่วยปิ่นอนงค์ เธอช่วยแก้มัดให้พี่ชายพร้อมกับบอกว่า
“คุณน้าเป็นฆาตกรฆ่าคุณไพศาล ฆ่าป้าอุ่น ฆ่าไอ้ธีระ ฆ่าทุกคนที่ขวางทาง คุณน้ายึดไร่ไพศาล ที่พี่นะเดินไม่ได้ก็แผนคุณน้าใช่มั้ย”
“ใช่ แต่คุณน้าทำเพื่อพี่ อยากช่วยให้พี่สมหวังกับปิ่น” ทรรศนะให้เข้าใจความหวังดี
“แต่ตอนนี้คุณน้ากำลังจะฆ่าคุณใหญ่ รายต่อไปไม่พ้นปิ่นอนงค์” ทัศนีย์ทำให้เขาเครียด
ระหว่างนั้น ปิ่นอนงค์ถูกมัดมือไพล่หลังอยู่ในโรงเก็บฟาง จอมเดินเข้ามา เธอรีบขอร้องเขาอย่าทำอะไรใหญ่ จอมเจ็บปวดที่เธอห่วงใหญ่ เธอกลับบอกว่า
“ปิ่นห่วงจอม ความโกรธแค้น ความชิงชังที่มีกับใครก็ตาม เราเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่ใจเราได้ แต่ความผิดที่ฆ่าคนตาย มันจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ล้างออกยังไงก็ไม่หมด”
จอมมองหน้าเธอนิ่งสักพักก่อนจะเสนอ “เราให้โอกาสปิ่นครั้งสุดท้ายก็ได้ ถ้าปิ่นตกลงทำตามที่เราขอเราจะยอมปล่อยคุณใหญ่ไป”
“ได้ ปล่อยคุณใหญ่ไปเถอะ ปิ่นยอมทุกอย่างที่จอมต้องการ”
“ยอมเป็นเมียเราด้วยงั้นหรือ” จอมกระชากเธอเข้ามาประชิด
“ใช่ แต่จอมจะได้แค่ร่างกายของปิ่น จะไม่มีความรัก ความเป็นเพื่อน ความรู้สึกดีๆมันจะไม่มีอีกต่อไป”
จอมยิ้มอย่างเจ็บปวด “นี่สิ ถึงจะเป็นปิ่นของเรา”
เจิดเข้ามารายงานว่าได้ขุดหลุมที่บึงข้างไร่ไว้แล้ว น้ำมันยางก็เตรียมพร้อม จอมยิ้มสะใจ ปิ่นอนงค์ตกใจขอร้องจอมอย่าทำอะไรใหญ่…ในขณะที่สมุนลากใหญ่มารอที่หน้าโรงเก็บฟาง ใหญ่ต่อสู้แต่โดนรุมจนสะบักสะบอม จอมออกมาสั่งให้หยุด
“พอแค่นี้ ให้มันตายตรงนี้เดี๋ยวตำรวจจะดมกลิ่นมาถึง ฉันจะเอามันไปอำพรางศพเอง แกสองคนไปกับฉัน” จอมชี้สมุนสองคนที่ไม่ใช่เจิดกับก้านให้หิ้วปีกใหญ่ไปที่รถ
ooooooo

ละครปลาบู่ทอง

เรื่องย่อละครพื้นบ้าน ปลาบู่ทอง
ออกอากาศทางช่อง 7
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหาปลาคนหนึ่งชื่อว่า “ เศรษฐี ” เขามีภรรยาสองคน คนแรกชื่อว่า “ กนิษฐา ” คนที่สองชื่อว่า “ กนิษฐี ” นางกนิษฐามีลูกสาวคนเดียวชื่อว่า “ เอื้อย ” ในขณะที่นางกนิษฐีมีลูกสาวสองคน คนแรกชื่อ “ อ้าย ” กับ “ อี่ ” ชายหาปลาไม่ชอบภรรยาหลวงและลูกสาวของนาง จึงมักจะดุค่าและบังคับให้ทำงานหนักทุกวันในขณะที่นางกนิษฐีผู้เป็นภรรยาน้อยกับลูกสาวสองคนใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายเพราะไม่ต้องทำงานหนักเหมือนอย่าง แม่ลูกคู่นั้น อย่างไรก็ตามทั้งนางกนิษฐีและลูก ๆ ของนางก็ยังเกลียดนางกนิษฐาและเอื้อยอีกซ้ำยังอิจฉาริษยา และหาทางกลั่นแกล้งสองแม่ลูกอยู่ตลอดเวลา พระราชาลงโทษพ่อแม่ของอ้ายด้วยการส่งแกงที่ปรุงด้วยเนื้อของลูกสาวของทั้งสองไปให้ เพื่อเป็น การแก้แค้นต่อความโหดร้าย และโทษมหันต์ที่ทั้งคู่กระทำไว้ในอดีต ในเวลานั้นพระโพธิสัตว์ทรงเสด็จมาเทศนาโปรดพระราชาและพระราชินี พระองค์บอกให้ทั้งสองเอาชนะความเกลียดชังด้วยความรัก และไม่ให้จองเวรเพราะการจองเวรไม่มีวันรู้จบ ที่พระราชินีต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัสก็เพราะบาปที่นางทำไว้ในชาติก่อน  ดังนั้นพระราชาจึงทรงให้อภัยชายหาปลาและภรรยาของเขาและชวนให้มาอยู่ในวังอย่างมีความสุข นับแต่บัดนั้น
ทุก ๆ เช้า ชายหาปลาจะออกไปทอดแหหาปลาในแม่น้ำและจะมีภรรยาสองคนผลัดกันเป็นคนพายเรือ ให้คนละวันหลังจากได้ปลามากพอในแต่ละวันแล้วก็จะนำไปขายที่ตลาดก่อนกลับบ้าน
อยู่มาวันหนึ่ง นางกนิษฐาทำหน้าที่เป็นคนพายเรือให้สามีในขณะหาปลา แต่ว่าไม่ได้ปลาสักตัวเดียวนอกจากปลาบู่ทองตัวหนึ่งเท่านั้น ตลอดทั้งวันชายหาปลาทอดแหแล้วทอดอีกก็ได้แต่ปลาบู่ทองตัวเดิมมาทุกทีเขาปล่อยมันลงไปในน้ำแต่ไม่นานมันก็ติดแหขึ้นมาอีก เขาโมโหมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี และทุกครั้งที่เขา ได้ปลาบู่ขึ้นมาภรรยาของเขาก็จะขอเขาไว้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกของตนเลี้ยงเล่นแต่เขาจะโยนมันทิ้งไปโดยไม่แยแส คำขอร้องของภรรยาตนแต่ในที่สุดก็เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงจนถึงขั้นตบดีนางและผลักนางลงน้ำไป ภรรยา ของเขาจึงจมน้ำตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น
ด้วยเหตุนี้ชายหาปลาจึงกลับบ้านเพียงลำพัง และพบเอื้อยกำลังรอแม่ของตนกลับมาอยู่ และเมื่อลูก สาวถามหาแม่เขาก็ปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกไปเมื่อลูกสาวคะยั้นคะยออยู่ตลอดเวลาเขาจึงบอกว่าแม่ของนางไป อยู่ใต้น้ำและจะกลับมาในอีก 3 วัน และบอกให้ลูกสาวหยุดร้องไห้มิฉะนั้นแล้วแม่ของนางจะไม่กลับมาอีกเลย และถึงแม้ว่าเด็กสาวจะไม่เข้าใจว่าบิดาของตนพูดอะไร แต่ก็นึกเอาว่ามารดาของตนต้องประสบอันตรายอย่าง แน่นอน ดังนั้นนางจึงร้องไห้โฮออกมา ฝ่ายชายหาปลาเกรงว่าข่าวการหายไปของภรรยาตนจะแพร่หลาย จึงบังคับให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ในทันทีและเริ่มทุบตีนาง เพื่อนบ้านเข้ามาขัดขวางและถามถึงภรรยาหลวงของเขา ชายหาปลาก็พูดโกหกไปว่าหนีตามชู้ไปแต่ก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา เพราะทุกคนรู้ว่าชายหาปลาผู้นี้เกลียดภรรยาหลวงและรักภรรยาน้อยมากกว่า แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้มาก ได้แต่เพียงช่วยปลอบใจเอื้อยเท่านั้น
รุ่งเช้าพ่อกับแม่เลี้ยงบอกให้นางทำงานบ้าน แต่นางยังเจ็บแผลที่ถูกเฆี่ยนตีอยู่จึงขอหยุดพักแต่ทั้งคู่ ไม่ยอมฟังนาง ตรงกันข้ามกับลูกสาวทั้งสองคนของแม่เลี้ยง ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย พวกเขาเพียงแต่กินและ เล่นเท่านั้นเอง
หลังจากจมน้ำตาย นางกนิษฐาก็ไปเกิดเป็นปลาบู่ทอง ว่ายน้ำมาที่ท่าน้ำหน้าบ้านและรอเอื้อยด้วย ความรัก ปลาบู่ทองเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอื้อยฟัง นางสงสารผู้เป็นแม่มาก นางจะนำอาหารมาให้ปลาผู้เป็น มารดาและพูดคุยกันเพื่อจะได้ลืมความทุกข์โศกทั้งปวง 
แต่ไม่นานนัก อ้ายก็รู้เรื่องเข้าจึงไปบอกให้แม่ตนเองทราบและแล้วผู้เป็นแม่ก็วางแผนฆ่าปลาบู่ทอง เสีย ในขณะที่เอื้อยได้รับคำสั่งให้ไปเลี้ยงวัวในทุ่งนา ปลาบู่ทองก็ถูกล่อไปฆ่ากินเป็นอาหาร ผู้เป็นแม่เลี้ยง ให้หมาและแมวกินก้างปลาบู่ทองหมดและโยนเกล็ดทิ้งไป ด้วยความสงสารเอื้อยจึงไปถามหมาและแมวซึ่ง ทั้งสองก็ปฏิเสธที่จะบอกความจริง เปิดเข้ามาปลอบเอื้อยและมอบเกล็ดปลาบู่ทองให้นาง เอื้อยเสียใจมากที่ ได้รู้เรื่อง ดั้งนั้นนางจึงฝังเกล็ดปลาบู่ทองไว้ในป่า และตั้งอธิฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ ด้วยพรของเทวดาในทันใดนั้นก็เกิดต้นมะเขือเปราะงอกงามขึ้น นับแต่นั้นมาเอื้อยผู้มีความสุขก็จะมากราบไหว้ และพูดคุยกับต้นมะเขือเปราะทุกวัน
แต่โชคร้าย อ้ายก็แอบมาเห็นอีจึงไปบอกแม่ของตน ผู้เป็นแม่จึงสั่งให้นางถอนต้นมะเขือเปราะทิ้ง แล้วนำผลมาทานทันที หลังจากกินแล้วก็โยนเม็ดมะเขือเปราะทิ้งไป เป็ดก็เก็บเม็ดมะเขือไว้ให้เอื้อยอีกเอื้อยเสียใจอย่างสุดซึ้ง นางจึงนำเม็ดมะเขือไปปลูกไว้ในป่าแล้วอธิฐาน ขอให้แม่เกิดเป็นต้นโพธิ์ เพื่อที่นางจะได้ กราบไหว้บูชา และด้วยพรของเทวดาต้นโพธิ์ก็งอกงามขึ้นในบัดดล
ในกาลต่อมา พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาทรงเห็นต้นโพธิ์ก็ทรงอยากได้ไปปลูกในวังจึงให้ถามหาเจ้า ของ และเมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบพระองค์ก็ทรงประสงค์ที่จะพบเอื้อย และเอื้อยก็ได้กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ ด้วยความสงสารในตัวนาง พระองค์จึงตัดสินพระทัยที่จะอธิเษกสมรสกับเอื้อยและตั้งให้เป็นพระราชีนี
และพระเจ้าพรหมทัตทรงถอนต้นโพธิ์ไม่ขึ้น แม้จะมีไพร่พลช่วยก็ตาม จึงทรงรับสั่งให้เอื้อยถอน มาให้พระองค์และเมื่อเอื้อยขออนุญาตมารดาของตน ก็สามารถถอนต้นโพธิ์ขึ้นได้โดยง่าย พระเจ้าพรหมทัต ทรงแปลกพระทัย และทรงดำริว่าเอื้อยมีบุญบารมีสมเป็นพระชาชินี จึงพาไปอยู่ในวังและทรงตั้งให้เป็น พระชาชินีของพระองค์
ในขณะเดียวกัน แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองของนางก็เกิดความอิจฉาริษยาอย่างมากที่ได้รู้ข่าวว่า เอื้อยตอนนี้ได้กลายเป็นพระราชินีไปแล้ว จึงไปหายายเฒ่าผู้หนึ่งซึ่งก็ออกอุบายให้ส่งข่าวไปบอกราชินีเอื้อย ว่าบิดาของนางเจ็บหนักใกล้จะตายแล้ว ทันทีที่ได้รับข่าวราชินีเอื้อยผู้กตัญญูก็รีบกลับมาเยี่ยมบิดาที่บ้าน แต่ก่อนที่จะเข้าบ้าน ผู้เป็นแม่เลี้ยงบอกให้นางถอดเครื่องทรงราชินีออกแล้วให้ไปอาบน้ำก่อนจึงค่อยไปพบบิดา ในขณะเดินเข้าไปในห้องด้านใน พระราชินีผู้น่าสงสารก็ตกลงไปในกระทะน้ำเดือดที่นางแม่เลี้ยงจอมริษยา ซ่อนไว้เบื้องล่าง ยังผลให้พระราชินีสิ้นพระชนม์ในทันที จากนั้นอ้ายก็รีบแต่งเครื่องทรงพระราชินีและกลับ วังโดยปลอมเป็นเอื้อย นางเข้าไปพบพระราชาผู้ซึ่งแสดงอาการไม่ค่อยจะเชื่อว่าเป็นเอื้อย แต่อ้ายก็ใช้คาถา ที่ยายเฒ่าให้มาเสกให้พระราชาอยู่ใต้อำนาจของตน แม้กระนั้นพระราชาก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าทำไม่ต้นโพธิ์ จึงดูเหี่ยวเฉาไม่มีชีวิตชีวา 
หลังจากถูกฆาตกรรมแล้วราชินีเอื้อยก็ไปเกิดเป็นนกแขกเต้า ด้วยความรักและห่วงใยในพระราชา จึงบินมาหาพระองค์และกราบทูลให้พระองค์ทราบเรื่องราวทั้งหมด หลังจากสัตว์ผู้น่าสงสารกราบทูลเรื่อง ราวให้ทรงทราบ พระองค์ก็ทรงเลี้ยงดูนกแขกเต้าไว้ในกรงทอง และทรงพูดคุยด้วยเสมอ และแล้ววันหนึ่ง ราชินีปลอมอ้ายก็แอบมารู้จนได้ ดังนั้นในขณะที่พระราชาเสด็จออกป้าเพื่อคล้องช้างเผือกมาสู่บารมี ราชินี ปลอมก็จับนกแขกเต้าผู้น่าสงสารถอนขนจนหมดแล้วส่งไปให้แม่ครัวแกง นกแขกเต้าแกล้งทำเป็นนอนตาย แม่ครัวเลยไม่สนใจปล่อยมันไว้ในครัวรอเวลาที่จะทำแกงนกถวายพระราชินีในตอนเย็น
เจ้านกแขกเต้าผู้ปราศจากขนและทุกข์ทรมาน จึงสบโอกาสหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงหนู เมื่อ หานกที่นอนตายอยู่ไม่พบและกลัวจะมีความผิด แม่ครัวจึงไปหาซื้อนกอื่นมาแกงถวาย พระราชินีแทน ฝ่าย แม่ครัวได้รับรางวัลตอบแทนเป็นผ้าสะไบ
เจ้านกแขกเต้าผู้น่าสงสารอาศัยอยู่หนู จนกระทั่งขนขึ้นเต็มตัวก็บอกลาหนู ซึ่งก็อาสาพาไปส่งถึงชายป่าในขณะท่องเที่ยวไปในป่าอยู่ตามลำพังก็เกือบจะถูกงูกินไปแล้ว โชคดีที่นกใหญ่มาจับงูกินเสียก่อน และแล้วนกแขกเต้าก็มาพบพระฤๅษีผู้ซึ่งเกิดความสงสารก็เลยช่วยชุบนกแขกเต้าให้กลายเป็นหญิงสาวสวย พระฤๅษีก็เลี้ยงดู เอื้อยอย่างลูกสาวของตน แต่ก็สังเกตเห็นว่าลูกบุญธรรมของตนดูจะเหงาหงอยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นท่านจึงวาดรูปขึ้นหลาย ๆ รูปแล้วให้เอื้อยเลือกเอารูปเดียว หลังจาเลือกแล้วท่านก็จะเสกให้เป็นคน เอื้อยจึงเอารูปเด็กชายมอบให้ฤๅษีใช้คาถาเสกให้เป็นคนเพื่อที่นางจะได้เลี้ยงดูเป็นบุตรชาย ท่านฤๅษีจึงตั้งชื่อเด็กชายนั้นว่า “ ลบ ” >
เมื่อลบอายุได้ 7 ขวบ ก็ถามหาชื่อบิดาของตน เอื้อยจึงเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด ลบจึงลามารดาไปเข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต เอื้อยจึงร้อยมาลัยดอกไม้บอกเรื่องราวของตนให้ลบสวมคอไปเพื่อที่พระเจ้าพรหมทัตจะได้ทราบทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับนาง
เมื่อมาถึงพระนคร ลบก็ถามหาต้นโพธิ์ชาวเมืองพากันประหลาดใจที่เห็นเด็กชายสวมพวงมาลัยอันงามไว้บนคอ จึงพูดต่อกันไปทั่ว พระราชาทรงทราบเข้าและสังหรณ์พระทัยว่าพระองค์อาจจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับเอื้อยบ้าง ดังนั้นจึงทรงรับสั่งให้เด็กเข้าเฝ้าและแล้วพระองค์ก็ได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากเด็กชายนั้น พระราชาทรงพระประสงค์ที่จะพบเอื้อยมาก แต่ก็กลัวเวทมนต์ของอ้าย ดังนั้นพระองค์จึงออกอุบายเสด็จประพาสป่า
และเมื่อเสด็จมาถึงศาลาของฤๅษี พระองค์ก็ทรงโสมนัสยิ่งนักที่ได้พบพระราชินีของพระองค์ จากนั้น พระฤๅษีจึงช่วยให้พระราชาพ้นอำนาจเวทมนต์ ทั้งสองพระองค์ดีใจที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ก็ต้องเสียใจที่ต้องสูญเสียลบไปเพราะลบจะต้องกลายเป็นรูปวาดอย่างเดิมภายใน 3 วัน นับจากวันที่สองพระองค์ได้พบกัน เพราะเป็นเงื่อนไขที่ฤๅษีกำหนดไว้
พระราชาทรงรับสั่งให้จัดงานฉลองรับขวัญพระราชินีเอื้อยเป็นเวลา 7 วัน หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากไปนาน พระองค์รับสั่งให้ประหารชีวิตพระราชินีปลอมเสียแต่เอื้อยกราบทูลขออภัยโทษ และพระองค์ก็ทรงเห็นด้วย แต่อ้ายฆ่าตัวตายเสียก่อนเพราะกลัวความผิด นางชิงฆ่าตัวตายเสียก่อนจะถูกจับตัวได้
ปลาบู่ทอง

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ละครชิงนาง

เรื่องย่อชิงนาง

          วงเดือน (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) เป็นเด็กกำพร้าที่ นายแพทย์อนุต (ตฤณ เศรษฐโชค) อุปการะ เพราะพ่อ-แม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทั้งที่ ศรีเรือน (พิศมัย วิไลศักดิ์) แม่ของเขาคัดค้าน เพราะคำทำนายว่าวงเดือนนำความวิบัติมาสู่ ครอบครัวแสนสมุทร อนุตกับ ศรีดารา (สุพรรษา เนื่องภิรมย์) ภรรยาขัดแม่ไม่ได้จำใจให้วงเดือนเป็น เด็กรับใช้ แต่ชดเชยโดยส่งให้เรียนหนังสือจนจบพยาบาล

          วงเดือนตอบแทนบุญคุณด้วยการดูแลทุกคนในแสนสมุทรอย่างดี เธอโตมาพร้อมลูกชาย 4 คน ของตระกูล พฤกษ์ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) พี่ชายคนโตหัวไม่ดี แต่ขยันขันแข็ง พ่อ-แม่วางตัวให้สืบทอดกิจการเรือประมง ขณะที่ ภูผา (อรรคพันธ์ นะมาตร์) ลูกชายคนรองเก่ง-กล้าแต่ใจร้อนไม่ยอมใคร ยิ่งไม่ผิดภูผาสู้หัวชนฝา ผิดกับ เมฆา (กันต์ กันตถาวร) ลูกชายคนที่สามฉลาดและมั่นใจในตัวเองกว่าใคร พ่อส่งให้เรียนหมอเพื่อรับช่วงกิจการคลินิกต่อ และคอยรักษา อรุณ (วศิน อัศวนฤนาท) น้องชายคนเล็กขี้โรคตั้งแต่เกิด ทุกคนในบ้านตามใจเขามากเป็นพิเศษ รวมถึงวงเดือนก็เป็นเพื่อนเล่น และดูแลอรุณเต็มที่ตลอดมา

          4 หนุ่ม รักกันมาก แต่พอรู้ว่าหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน คือ วงเดือน การแย่งชิงจึงเกิดขึ้น!! พี่-น้องต่างหาทางพิชิตใจเธอเต็มสูบ กระทั่งวงเดือนถูกฉุด! ภูผาไปช่วยสู้ไม่คิดชีวิตพลั้งมือยิงคนร้ายตาย อนุตโกรธมากคิดว่าภูผาเป็นอันธพาลชอบหาเรื่อง ถึงกับไล่ลูกชายออกจากบ้าน ศรีเรือนเป็นห่วงภูผาแอบยกที่ดินร้าง จ.เชียงราย ให้ไปบุกเบิก เขามุ่งมั่นพิสูจน์ตัวเองก่อนกลับแสนสมุทร ภูผาชวนวงเดือนหนีไปด้วยอรุณได้ยิน แกล้งป่วยหนักถ่วงเวลาไม่ให้วงเดือนไปตามนัด ทำให้ภูผาช้ำรักเข้าใจผิดคิดว่าเธอไม่มีใจ

          เมื่อถึงเชียงราย หนูนา (พิชญาภร สุวรรณวุฒิพิจัย) หลานสาวจอมห้าวของ นายสว่าง (กลศ อัทธเสรี) คนดูแลไร่ที่ย่าศรีเรือนไว้ใจรอรับภูผาที่สถานีรถไฟ หนูนาไม่ถูกชะตามาดขรึมของภูผา แต่ไม่นานความเสียสละ ตั้งใจจริงของภูผาก็ทำให้หนูนาแพ้ใจแอบรักเขาจนได้ ร้อนถึง พ่อเลี้ยงเหนือฟ้า (มิกค์ ทองระย้า) ลูกชายผู้มีอิทธิพลกับ วันชัย (ธีร์ วณิชนันทธาดา) ลูกพี่ลูกน้องยกพวกไปบุกไร่ภูผาเพื่อประกาศศักดิ์ดา ภูผาไม่หวั่นแต่หนูนาเป็นห่วงออกนอกหน้า เหนือฟ้ารู้ทันทีว่าน้องหนูนาสุดที่รักมีใจให้ภูผา แถมชาภูผายังคุณภาพดีเป็นคู่แข่งกับชาเหนือฟ้า วันชัยเลยยุเหนือฟ้ากำจัดภูผาให้พ้นทาง โดยวันชัยอาสาลงมือเอง แต่ยิงพลาดถูกม้าตัวโปรดของหนูนาตาย เธอเสียใจแทบคลั่งเกลียดชังเหนือฟ้าเพิ่มทวีคูณ โชคดีมีภูผาปลอบใจจนรู้สึกดี ยิ่งทำให้หนูนาหลงรักเขามากขึ้นด้วย แม้ภูผาจะมี คนรัก!! แล้ว และนำชื่อเธอมาตั้งชื่อไร่ชาเป็นที่ระลึกว่า ไร่วงเดือน แต่หนูนาก็หวังจะชนะใจภูผาให้ได้

          ส่วนวงเดือนเศร้าใจคิดถึงภูผาทุกเวลา หนำซ้ำยังโดนกดดันจากย่าศรีเรือน และ โฉมไฉไล (พิมพ์นิภา จิตตธีรโรจน์) ไฮโซตกอับกิ๊กเก่าเมฆามาหาเรื่อง เพราะคิดว่าวงเดือนเป็นแฟนใหม่ทำให้เมฆาไม่สนใจตน อนงค์ (กรองทอง รัชตะวรรณ) แม่โฉมไฉไล เจ้าของภัตตาคารหรู แต่ติดการพนันจนหนี้ท่วมตัว คิดวางแผนให้ลูกสาวจับลูกชายคนอื่นในตระกูลแสนสมุทรแทน

          โฉมไฉไลเปลี่ยนเป้าหมายยั่วพฤกษ์จนมีอะไรกัน อนงค์บังคับให้พฤกษ์แต่งงานกับลูกสาว พร้อมกับงานแต่งของอรุณกับวงเดือน ก่อนถึงวันงานย่าศรีเรือนป่วยหนัก มีวงเดือนคอยดูแลอย่างดี จนศรีเรือนรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีกับเธอ จึงมอบจดหมายที่ภูผาเขียนหาวงเดือนให้ก่อนตัวเองสิ้นใจ ทำให้วงเดือนยอมหนีจากแสนสมุทรไปตามหาภูผาจนพบ และสัญญาจะรักกันจนวันตาย

          หนูนาอกหักส่งข่าวไปบอกเมฆาเรื่องวงเดือนแต่ภูผาจับได้ ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงหนูนาหนีจากไร่ไปเจอเหนือฟ้ากับพวก วันชัยยุให้ปล้ำ! แต่เหนือฟ้าทำไม่ลง วันชัยชกเหนือฟ้าสลบแล้วข่มขืนเอง เหนือฟ้าฟื้นขึ้นมาเห็นความชั่วของวันชัย เขาต่อสู้ช่วยหนูนาจนตกหน้าผาตาย ภูผาตามมาเจอจึงไล่ล่าวันชัยแต่มันหนีไปได้ หนูนาเสียใจ และอายมาก แต่ต้องรับสภาพอุ้มท้องลูกวันชัยไว้

          ไม่นานเมฆาก็มาหาภูผาถึงเชียงราย เขาขอร้องให้พี่ชายปล่อยวงเดือนไปแต่งงานกับอรุณที่ป่วยหนัก ภูผาจำใจยุติความรักกับวงเดือนเพื่อต่อชีวิตให้น้องชาย ระหว่างทางกลับแสนสมุทรรถที่วงเดือนนั่งคว่ำ วงเดือนอาการสาหัส ภูผาขอร้องให้เมฆาช่วยชีวิตเธอ เมฆาได้ทียื่นข้อเสนอให้ภูผาเลิกยุ่งกับวงเดือน ถึงจะยอมทำตามที่พี่ชายขอ ภูผายอมเพราะไม่มีทางเลือก หลังอาการวงเดือนดีขึ้นเมฆาพาเธอกลับแสนสมุทรทันที

          เมฆาโกหกทุกคนที่บ้านว่าภูผาลักพาตัววงเดือน ทำให้อรุณเกลียดภูผามาก ทันทีที่อรุณเจอภูผาแอบมาเยี่ยมวงเดือนที่บ้าน เขาโกรธจัดต่อว่าภูผารุนแรงจนอาการกำเริบช็อก! เสียชีวิต เมฆารู้สึกผิดที่โกหกทำให้พี่-น้องทะเลาะกันจนตาย เขาสารภาพเรื่องนี้กับพฤกษ์แต่ถูกซ้ำเติม ทำให้เมฆาเครียดเมาเหล้าพลาดมีอะไรกับโฉมไฉไล เมื่อเรื่องฉาวกระฉ่อนทำพฤกษ์ช็อก! ผิดหวังเมาไร้สติ ลอบเข้าหาวงเดือนแต่เมฆาช่วยไว้ วงเดือนไว้ใจยอมแต่งงานปลอม ๆ กับเมฆาโดยดี เพราะไม่อยากให้พฤกษ์มาวุ่นวาย โดยไม่รู้ว่ากำลังถูกเมฆาหลอก

          เมื่อภูผารู้ข่าวเสียใจมาก ยอมตัดใจไปแต่งงานกับหนูนาทันที เมฆาไปแสดงความยินดีกับภูผา-หนูนาในวันแต่งงานด้วย อยู่ ๆ วันชัยประกาศกลางงานว่าเป็นพ่อเด็กในท้องเจ้าสาว ก่อนลั่นไกใส่ภูผาแต่หนูนารับกระสุนแทนอาการสาหัส เมฆายื้อชีวิตหนูนาเต็มที่แต่ช่วยได้แค่เด็กในท้อง ส่วนหนูนาตาย! ในอ้อมกอดภูผา สุดท้ายวันชัยหนีไม่รอดถูกภูผายิงด้วยความโกรธแค้นตายคาที่

          ที่บ้านแสนสมุทรพฤกษ์เอาแต่เมา-เล่นการพนัน ไม่ดูแลกิจการเรือประมง อนุต-ศรีดาราจึงตามภูผามาทำแทน แต่ไม่พบเพราะภูผาติดคุกคดีฆ่าวันชัย เมฆาจึงปิดคลินิกมาดูแลธุรกิจประมงกับวงเดือน ทำให้พฤกษ์ไม่พอใจทวงทุกอย่างคืนจากเมฆา และเปิดโปงความชั่วที่เมฆาหลอกวงเดือนแต่งงาน ทำให้ภูผาตัดใจไปแต่งงานกับหนูนา วงเดือนโกรธมากตัดขาดเมฆา อนุตถึงกับช็อก! เป็นอัมพฤกษ์ วงเดือนดูแลหมอเพื่อทดแทนบุญคุณ ส่วนพฤกษ์ถูกโฉมไฉไลวางยาจนพิการ หลังพ้นโทษภูผากลับไปดูแลพ่อและพี่ชาย

          เมฆาไม่อยากให้วงเดือน-ภูผารักกันอีก จึงใส่ร้ายว่าพี่ชายเป็นต้นเหตุทำให้บ้านแสนสมุทรตกต่ำ โฉมไฉไลหึงเมฆาถือปืนปรี่มายิงวงเดือน ภูผา-เมฆาปกป้องเธอสุดชีวิต เมื่อความรักก่อให้เกิด ความแค้นสงครามเสน่หาจะมีบทสรุปอย่างไร?! ติดตามความเข้มข้นใน ละครชิงนาง ได้ทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. ช่อง 7 สี ละครชิงนาง เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม 2555

ชิงนาง

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ละคร

“ราชินีลูกทุ่ง”
      
       บทประพันธ์ : เฉกชนม์
       บทโทรทัศน์ : วรวรรณ ธวมงคล
       กำกับการแสดง : บัณฑิต ทองดี
       แนวละคร : เพลง - ชีวิต
       ออกอากาศ : ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 07.30/10.30/20.00/23.00 น.ทางช่อง 8 ทุกจานรับสัญญาณดาวเทียม
       ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
      
       เรื่องราวของสาวน้อยชื่อ กุ้งนาง (พิงค์กี้ สาวิกา) ผู้มีพรสวรรค์ในการร้องเพลงลูกทุ่ง แต่เธอกลับถูกแม่แก้วตา (ศิรินทรา นิยากร) ห้ามไม่ให้ร้องเพลงลูกทุ่งเด็ดขาด โดยไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง
       
       จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของกุ้งนางเกิดป่วยหนัก กุ้งนางต้องการหาเงินมารักษาแม่ จึงไปประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ผลการแข่งขันเธอได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศ ทำให้เงินรางวัลที่ได้ไม่พอค่ารักษา แม้จะได้เงินจากการช่วยเหลือของ ครูชาตรี (สุรชัย สมบัติเจริญ) ครูเพลงชื่อดังที่ชื่นชอบในเสียงของกุ้งนางและเห็นแววความเป็นนักร้อง แต่กุ้งนางก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของแม่เธอได้ แต่ก่อนที่แม่ของเธอจะจากไปได้เล่าถึงสาเหตุที่ไม่ยอมให้กุ้งนางร้องเพลง เพราะเธอเคยผิดพลาดจากการอยากเป็นนักร้องจนทำให้เธอตั้งท้องและมีกุ้งนาง แก้วตามีความหลังเกี่ยวกับการร้องเพลงและช้ำใจเพราะพ่อซึ่งเป็นนักแต่งเพลง แต่ไม่มีใครทราบสาเหตุ ก่อนแม่จะจากไปก่อนตายแม่มีโน้ตเพลงที่ชื่อเพลง “แก้วตา” ที่พ่อเขียนให้มอบให้กับกุ้งนางก่อนสิ้นใจ กุ้งนางตัดสินใจเดินตามความฝันของตัวเองโดยการเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อตามหาพ่อที่แท้จริงของเธอพร้อมเพื่อนรักที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กอย่าง ก้าน (กุ้ง สุทธิราช) และ ชะเอม (ปุ๋ย รุ่งทิวา)
       จนได้เข้ามาร้องเพลงในค่ายเพลงลูกทุ่งยักษ์ใหญ่ บริษัทสยามซอง ของจรัญ (หมู-กลศ)โดยการช่วยเหลือของ ด้วง (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ญาติผู้พี่ก้าน ที่นี่มีทั้งมิตรภาพที่ดีอย่าง กบ (กระแต อาร์สยาม)นักร้องน้องใหม่ เจ๊อึ่ง (อาภาพร นครสวรรค์)คนดูแลเสื้อผ้าและ เขียด (กระต่าย อาร์สยาม) ลูกน้องเจ๊อึ่ง ระหว่างนั้นกุ้งนางต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย กุ้งนางได้เจอกับ จิรายุ (ฟลุค ซีควินท์) ลูกชายเจ้าของค่ายเพลงที่ฝันอยากจะเป็นนักแต่งเพลงแต่งจรัญอยากให้เข้ามารับช่วงต่อดูแลกิจการ จิรายุแอบเป็นกำลังใจให้กับกุ้งนางตลอดเวลา แต่เส้นทางความรักของกุ้งนางก็ไม่ได้ราบรื่น เพราะมีนักร้องสาวร่วมค่ายเบอร์ 1 ชามาดา (เป้ย ปานวาด) คอยสกัดดาวรุ่งทั้งเรื่องการงานและเรื่องของหัวใจ ชามาดาโปรโมทอัลบั้มคู่ นทีทอง (เอ็กซ์ จาตุรงค์) นักร้องรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียงอีกคน นทีทองรักและแอนดูกุ้งนางเป็นพิเศษจนทำให้ จิรายุไม่พอใจและเข้าใจกุ้งนางผิด กุ้งนางเองก็อยากก็ปักใจเชื่อว่านทีทองน่าจะเป็นพ่อของเธอ ระหว่างนั้นค่ายคู่แข่งของสยามซอง อย่างบริษัทเบสท์มิวสิคก็ส่ง ฟ้า (นาตาลี เดวิส) ลูกสาวเสี่ยอ๋าและเป็นนักร้องน้องใหม่เข้ามาป่วน ฟ้าหวังจะฮุบทั้งจิรายุและเบสท์มิวสิก โดยการช่วยเหลือของ คมกริช (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) หนอนบ่อนไส้จากสยามซอง ที่ผิดหวังและเจ็บใจที่จรัญยกบริษัทให้จิรายุดูแลแทนที่จะเป็นตนที่ทำงานมานาน
      
       สุดท้ายแล้วกุ้งนางจะเดินตามความฝันและพบกับพ่อที่แท้จริงของเธอได้หรือไม่ ติดตามชมเรื่องราวของเธอได้ในละคร “ราชินีลูกทุ่ง” ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 07.30/10.30/20.00/23.00 น.ทางช่อง 8 ทุกจานรับสัญญาณดาวเทียม เริ่มตอนแรกพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และติดตามอ่านทุกความเข้มข้นของ ราชินีลูกทุ่ง ตอนต่อตอน ฉากต่อฉาก สนุก จุใจเหนือกว่าใครทาง "ละครออนไลน์" เริ่ม 1 กรกฎาคมนี้ เวลา 17.00 น.